เอเอชเอ (AHA-ALPHA HYDROXY ACID)
AHA เป็นกรดอินทรีย์กลุ่มหนึ่ง คือกลุ่มคาร์บ็อกซิลิกเอซิด เดิม
สกัดจากผลไม้ และสารธรรมชาติ จากอ้อย องุ่น แอปเปิ้ล ส้ม
มะนาว นมเปรี้ยว แต่ปัจจุบันสังเคราะห์ได้โดยตรง
คุณสมบัติของสารกลุ่มนี้คือ สามารถละลายน้ำได้ดี ไม่ละลาย
ในไขมัน เพราะฉนั้นจะซึมเข้าโดยตรงที่ผิวหน้า สามารถลดแรง
ยึดเหนี่ยวของเซลล์ชั้นขี้ไคลได้ เป็นการลอกแบบค่อยเป็นค่อย
ไปทำให้ผิวดูใสขึ้น ถ้าใช้ต่อเนื่องจะเพิ่มความหนาของผิวหนัง
กำพร้าเพิ่มความแข็งแรงให้กับหนังแท้ โดยการเพิ่มสารกราวด์-
ซับสแทนต์ ซึ่งเป็นสารที่เสริมความแข็งแรงของหนังแท้ และยัง
ช่วยลดรอยด่างดำ ฝ้า กระ แต่จะไม่มีผลต่อปาน ไฝ และกระลึก
จากผลการวิจัยแพทย์ทั่วไปเห็นด้วยว่า กรณีที่มีคนมารับการทำ
ทรีตเม้นต์ตามคลินิกด้วย AHA แล้วรู้สึกเห็นผลชัดว่าผิวใสขึ้น
นั้นก็เพราะเซลล์ลอกหลุดออก จึงทำให้ผิวดูนุ่มเนียนขึ้น แต่พอ
1 อาทิตย์ก็จะกลับเป็นอย่างเดิมอยู่ดี จึงต้องกลับมาทำบ่อย ๆ
วิธีการใช้ เอเอชเอ (AHA) มีอยู่ 2 วิธี
1. พวกเปอร์เซ็นต์ต่ำ ๆ 4-15% ควรทาเวลาเช้าและเย็น พวกเปอร์
เซ็นต์สูงกว่า 15% ใช้เพื่อทำการลอกผิว อาจใช้เพียงสัปดาห์ละ
1-2 ครั้ง
2. ทรีตเม้นต์ (CHEMICAL PEELING) ซึ่งจะใช้ราว 20-70%
อาจเป็นเจล หรือน้ำก็ได้ จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
อย่างไรก็ตาม การใช้ AHA ให้ได้ผลดีสูงสุดต้องใช้ทั้ง 2 วิธี
ควบคู่กันไป และอีกชื่อที่เกี่ยวพันกับ AHA คือ AFA
เอเอฟเอ (AFA-AMINO FRUIT ACID)
พวกนี้เป็นสารที่มีสูตรโครงสร้างโมเลกุลคล้ายคลึงกับ AHA เข้า
ใจว่าในบ้านเรายังไม่มีการนำมาใช้ แต่ในเร็ววันนี้คงจะมี
ข้อดีของ AFA คือสูตรโครงสร้างโมเลกุลจะเกิดการระคายเคือง
หรือแพ้น้อยเมื่อเทียบกับ AHA นอกจากนั้น AFA ยังทำหน้าที่ให้
ความชุ่มชื่น โดยเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ตามธรรมชาติของผิืวและ
ยังมีฤทธิ์ป้องกันกันเกิดเม็ดสีผิวผิดปกติจากแสงแดดได้อีกด้วย
ตัว AFA สามารถพบได้ในธรรมชาติ มาจากต้นอ่อนของต้นอ้อย
แต่ในต้นไม้ที่เจริญเต็มที่แล้ว พวกนี้จะเปลี่ยนไปเป็น AHA แทน
บีเอชเอ (BHA-BETA HYDROXY ACID)
เป็นตัวที่ใช้ลอกผิวเช่นกัน ได้แก่ กรดซาลิิไซลิก มีคุณสมบัติละ
ลายในไขมันได้ดี ละลายน้ำได้น้อย ใช้ขัดผิวชั้นขี้ไคล ถ้าความ
เข้มข้นสูงใช้รักษาหูดได้ แต่เนื่องจากมีคุณสมบัติละลายในไข
มันได้ดี ดังนั้นจะดูดซึมดีทางรูขุมขน จึงช่วยลดการก่อสิวได้ดี
และข้อดีคือ ระคายเคืองน้อยกว่า AHA
พีเอชเอ (PHA)
โพลีไฮโดรซีแอซิด เนื่องจากพบว่า AHA ผสมในเครื่องสำอาง
ครีมบำรุงผิวแล้วเกิดอาการแพ้ และระคายเคืองบ่อย จึงมีบริษัท
เครื่องสำอางนำสาร PHA มาใช้แทนเพราะมีโมเลกุลที่ใหญ่กว่า
จึงไม่ซึมลึกเกิดการแพ้น้อยกว่าแต่สรรพคุณในด้านดีแบบ AHA
ก็ลดลงด้วยเช่นกัน
สาว ๆ ที่ชอบดูแลผิวสามารถเลือกใช้ได้ตามสภาพผิวของตัวเอง
ได้เลย และที่สำคัญเลือกซื้อจากร้าน หรือสถานที่ ที่เชื่อถือได้นะค่ะ