Welcome to my blog, hope you enjoy reading
RSS

แสงแดดกับผิว และค่าเอสพีเอฟ

แสงแดดกับผิวสวย และค่าเอสพีเอฟ (SPF)
การปกป้องผิวจากแสงแดดในขั้นพื้นฐานก็คือหลีกเลี่ยงแดดจัด
โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10.00 น.- 16.00 น. แต่สำหรับชาวเอเชีย
ที่ต้องเจอกับแดดอย่างเลี่ยงไม่ได้นั้น ก็ต้องสู้ด้วยการใช้ครีมกัน
แดดหรือยากันแดด SUNSCREEN หรือ SUNBLOCK แต่มักพบ
ว่ามีผู้มีปัญหาจากการเลือกใช้ครีมกันแดดผิด ๆ โดยหลงเชื่อคำ
โฆษณา

อย่างที่ทราบกันว่าครีมกันแดดจะมีค่าตัวเลข หรือค่า เอส พี เอฟ
(SPF) กำกับอยู่เสมอ และค่า เอสพีเอฟ (SPF) นี้เองเป็นตัวบอก
ถึงความสามารถในการป้องกันแสงแดด ซึ่งมีตั้งแต่ค่าต่ำไปถึงสูง

แต่ค่าเอส พี เอฟ ที่สูงไม่ได้แปลว่าครีมกันแดดนั้นจะดีและเหมาะ
สมกับผิวเราเสมอไป เพราะความจริงแล้ว ยาหรือครีมกันแดดที่มี
ค่า SPF 16 ก็สามารถกันแดดได้ถึง 95% ซึ่งมากพอสมควรแล้ว
ส่วนค่า SPF 30 กันได้เพิ่มขึ้นอีกเพียง 2% คือ 97% และค่า
SPF 60 ก็กันได้เพิ่มอีกแค่ 1.5% คือ 98.5%

ค่าเอส พี เอฟ (SPF) ยังเป็นการวัดความสามารถในการป้อง
กันการไหม้แสงแดดโดยรังสียูวีบีเท่านั้น ไม่ได้ครอบคลุมถึงการ
ป้องกันรังสียูวีเอ ซึ่งปัจจุบันพบว่า เป็นส่วนสำคัญในการทำให้
เกิดความดำคล้ำของผิวหนัง ฝ้า และรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง
สามารถลงลึกไปทำลายผิวหนังโดยที่ไม่ทำให้ผิวไหม้
(เรียกว่าดำโดยไม่ไหม้)

ดังนั้นควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า เอสพีเอฟ พอสมควรก็พอ
ไม่ต้องตื่นเต้นกับ ค่าเอสพีเอฟสูง ๆ ตามฝรั่งเขาเพราะผิวของ
เขาบางกว่า และขาวกว่าเรามากเขาเลยต้องใช้ค่าเอสพีเอฟที่
สูงกว่าเราเพื่อป้องกันมะเร็งผิวหนัง

และครีมกันแดดก็มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย และก่อ
ให้เกิดสิวอุดตันได้ง่ายเช่นกัน

ปัจจุบันได้มีการคิดค้นยากันแดดที่มีคุณสมบัติกันรังสียูวีเอได้
ตลอดช่วงคลื่น ที่กำลังนิยมได้แก่ สารซิงค์ออกไซด์ และ
พาร์ซอล 1789 ซึ่งนิยมนำมาผสมรวมกับสารกันแดดชนิดอื่น ๆ
เพื่อให้กันแดดได้ดีขึ้นทั้งช่วงยูวีเอ และยูวีบี แต่ข้อเสียเสียคือ
เมื่อทาแล้วจะเป็นสีขาว ทำให้ผิววอก ลอย ไม่เป็นธรรมชาติ