Welcome to my blog, hope you enjoy reading
RSS

Co-enzyme Q10

Q10 คืออะไร
Q10 มีชื่อเรียกกันอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็น Co-enzyme Q10 หรือ
Co Q10
หรือ Ubiquinone หรือ Ubiquinole หรือ Ubidecarenone
หรือ Ubiquitous
หรือ Coenzyme quinone มีชื่อเรียกทางเคมีว่า
"2 ,3-dimethoxy-5-methyl
-6-decaprenyl benzoquinone."

จากการศึกษารายละเอียดพบว่า Q10เป็นสารที่ร่างกายสามารถ
ผลิตได้
เองโดยธรรมชาติและมีความจำเป็นต่อร่างกาย Q10
เป็นสารประกอบคล้าย
วิตามินที่มีคุณสมบัติในการละลายในไขมัน
(Fat-Soluble Vitamin-like
Substance) พบในเซลล์ทุกเซลล์ที่
มีชีวิ
ตในร่างกายโดยจะอยู่ที่ส่วนเยื่อหุ้ม(Membrane) ของไมโต
คอนเดรีย ซึ่งไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial) นี้ทำหน้าที่ในการ
ผลิตพลั
งงานให้กับเซลล์โดยพลังงานดังกล่าวจะอยู่ในรูปของ
ATP (Adenosine Triphosphate) ซึ่งเป็นพลังงานพื้นฐานของ
เซลล์
Q10 ถูกพบมากในอวัยวะที่ต้องการพลังงานสูง ซึ่งจะมีจำ
นวนไมโตคอนเดรีย
(Mitochondrial) มากเช่น หัวใจ ตับ กล้ามเนื้อ
สมอง ส่วนอวัยวะอื่นๆ ก็พบ
Q10เช่นกันแต่พบค่อนข้างน้อย
เนื่
องจากอวัยวะดังกล่าวต้องการพลังงานน้อยจึงมีจำนวนไมโต
คอนเดรีย (Mitochondrial) น้อยตามไปด้วย


Q10 ที่ผลิตในร่างกายนี้สังเคราะห์มาจากกรดอะมิโนที่ชื่อไทโรซีน
(Tyrosine) และฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) โดยกรดอะมิโน
ทั้ง 2 ตัวนี้ จะสร้างส่วน
วงแหวนควิโนน (Quinone Ring) ส่วนสาย
ยาว (side chain) สร้างมาจากอะซีติลโคเอ
(Acetyl CoA) โดย
อาศัยกระบวนการในร่
างกายหลายขั้นตอนร่วมกันกับวิตามิน7 ชนิด
คือ วิตามินบี 2 (Riboflavin) วิตามินบี 3 (Niacinamide) วิตามินบี
6
กรดโฟลิก (Folic Acid) วิตามินบี 12 วิตามินซี และกรดแพนโท
ทีนิก
(Pantothenic Acid)
► ไทโรซีน (Tyrosine) ช่วยให้เซลล์แก่ช้าและควบคุมศูนย์กลาง
ความรู้สึก
หิวในไฮโปแธลลามัสส่วนใต้ของสมอง

► ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วยการทำงานของต่อมธัย
รอยด์ให้
กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่างกาย เป็นฮอร์โมนที่
ประกอบด้วยไอโอดี
นทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตัวอารมณ์ดี ลดความ
ซึมเศร้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น ช่วยไม่ให้
ผมหงอก และผิวแห้งตก
กระรวมทั้งป้องกันผิวหนังอั
กเสบจากการแพ้แสงแดด

มีรายงานเกี่ยวกับ Q10 ว่ามีประสิทธิภาพสูงในการรักษาโรค กระ
ตุ้นภูมิคุ้มกัน และสิ่งสำคัญคือมีผลต่
อการทำงานของระบบหัวใจ
พบว่า Q10 ช่วยเพิ่มประสิทธิ
การทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจอย่าง
ชัดเจน จึงทำให้มีการจ่าย Q10 ให้กับผู้ป่วย
โรคหัวใจอย่างมากมาย

Q10 ทำงานอย่างไร
Q10 ที่ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นนี้จะทำหน้าที่เป็นเอนไซม์หลัก (Key-
Enzyme)
ในวงจรเครป หรือวงจรกรดซิตริก (Kreb 's or Citric
Acid Cycle) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำการเปลี่
ยนแปลงอาหารพวก
คาร์
โบไอเดรตและไขมันให้อยู่ในรูปของพลังงานที่ร่างกาย
สามารถนำไปใช้ได้ โดยหน้าที่ของเอนไซม์ทั่วไป ก็คือจะเข้าไป
ช่วยเร่งปฏิกิริ
ยาภายในร่างกาย โดยตัวของเอนไซม์เองไม่ถูกทำ
ลาย หรือถูกเปลี่ยนแปลงเมื่อปฏิกิริ
ยาดังกล่าวสิ้นสุดลง เนื่องจาก
Q10 มีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้
างพลังงานให้แก่ร่างกาย ดัง
นั้นเมื่อระดับของ Q10 มีการเปลี่ยนแปลงไปก็จะส่
งผลกระทบต่อ
ระบบต่างๆ ของร่างกาย


โดยสรุป Q10 ทำหน้าที่เกี่ยวกับการให้พลังงานแก่เซล ดังนั้นเซลล์
ที่ยังมีชีวิต
ก็จะมีความต้องการพลังงานเพื่อขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆ
ก็จะต้องการ Q10
เช่นกัน อีกทั้งเซลที่ต้องการพลังงานสูงก็จะต้อง
การ Q10 มากกว่าเซลที่ต้องการ
พลังงานน้อย จึงเป็นเหตุที่เราจะ
พบ Q10 มากในเซลหัวใจ ดังนั้นหากขาด Q10 ก็จะมีผลให้การทำ
งานในเซลล์ผิ
ดปกติ ส่งผลให้เซลล์ตายได้

ประโยชน์ของ Q10
มีการกล่าวเกินจริงเกี่ยวกับ Q10 มากมายทั้งๆ ที่ยังอยู่ในขั้นการ
ทดลองและยั
ไม่ได้สรุปผลออกมา เช่น หาว่าช่วยชลออาการ
โรคพาร์กินสัน เพิ่มแข็งแรงของ
ผู้ป่วยโรคเอดส์ ควบคุมระดับน้ำ
ตาลในผู้ป่
วยโรคเบาหวาน เพิ่มพละกำลังในพวกนักกีฬา เป็นต้น

แต่ในทางกลับกัน ก็มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า
Q10 ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้
ดียิ่งขึ้น ถ้าหากขาด Q10
กล้ามเนื้อหัวใจจะ
อ่อนแรงลงและทำงานได้ไม่ดี ทำให้มีการใช้
Q10 เกี่ยวกับการช่วยบำรุงหัวใจ
อย่างกว้างขวาง และในญี่ปุ่น 10%
ของคนญี่ปุ่นมีการรับประทาน Q10 เป็นประจำ


1.โรคหัวใจและหลอดเลือด
ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับปริมาณคลอเลสเตอรอล ในเลือดสูง
เกินไปจนทำให้ไปอุดตามหลอดเลือดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
เส้นเลื
อดไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติเนื่องจากเลือด
ไปเลี้ยงไม่พอ หรือกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ไปบางส่วน ซึ่ง Q10 ช่วย
แก้ปัญหาได้โดยไปยับยั้งไม่
ให้คลอเลสเตอรอล จับเป็นก้อนอุด
ตันเส้นเลือด


ใช้รักษาโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจล้มเหลวเนื่องจากเส้น
เลือดไป
เลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ (congestive heart failure) ทั้งนี้
ผู้ป่วย โรคหัวใจ ดังกล่าวจะมีแน้วโน้มที่จะสัมพั
นธ์กับการขาด
Q10 ดังนั้นเมื่อผู้ป่วย โรคหัวใจ
ได้รับQ10จึงทำให้หัวใจทำงาน
ได้ดียิ่งขึ้
นอีกทั้งด้วยคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระคล้ายกับ
วิตามินอี Q10 จะทำหน้าที่ช่วยยับยั้งอุดตั
นของเส้นเลือดของ
คลอเลสเตอรอล


เคยมีการศึกษาในผู้ป่วย โรคหัวใจเนื่องจากเส้นเลือดไปเลี้ยงหั
ใจไม่เพียงพอ
(congestive heart failure) มากกว่า 2,500 คน
แบ่งผู้ป่วยเป็น 2 กลุ่ม โดยให้ผู้ป่วยโรคหัวใจกลุ่มหนึ่
งได้รับ Q10
อีกกลุ่มหนึ่งให้ยาหลอกเพื่อดู
ว่า Q10 มีประโยชน์กับผู้ป่วยจริง
หรื
อไม่ เป็นเวลา 12 เดือน ผลปรากฎว่า80% มีอาการดีขึ้นอย่าง
ชัดเจน อาการบวมของข้อเท้าลดลง อาการหายใจถี่ๆ ลดลง
การนอนหลับดีขึ้น เมื่อผู้ป่วยที่ได้รับ Q10 ทุกวันๆละ100มิลลิกรัม
ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รั
บยาหลอกกลับมีอาการแย่ลงต้องเข้าในโรง
พยาบาลมากกว่าผู้ที่ได้รั
บ Q10 ทั้งนี้อัตราการเสียชีวิตก็ไม่แตก
ต่างกัน


ไม่ใช่ทุกการศึกษาที่แสดงถึงประโยชน์ของ Q10 เมื่อไม่นานนี้มี
การศึกษาใน
ผู้ป่วยโรคหัวใจ ดังกล่าวระดับปานกลางถึงรุนแรง
จำนวน 46คนให้รับประทาน
Q10 (ไม่มีใครได้รับประทานยาหลอด)
เป็นเวลา 6เดือนพบว่าอาการต่างๆ
ไม่ได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังคง
ต้องมีการศึ
กษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของ Q10 กับประสิทธิภาพใน
การลดอั
ตราการเสียชีวิตจาก โรคหัวใจ
ในการรักษาอาการปวดร้าวบริเวณหน้าอก (angina) และอาการ
หัวใจเต้น
ผิดปกติพบว่าอาการปวดร้าวบริเวณหน้าอดจะลดลงเมื่อ
ผู้ป่วยได้รับ Q10 อีกทั้งผู้ป่วยที่มีปัญหามี
อาการทำงานและการ
เต้นของหัวใจผิ
ดปกติก็พบว่าQ10 มีส่วนช่วยในอาการดังกล่าว
เช่
นกัน

นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งปัจจุบัน
ประชาชน
ประมาณ 1ใน3 มีปัญหาเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตสูง
และโรคดังกล่าว
ถือว่าเป็นภัยเงียบต่อกลุ่มคนดังกล่าว และก็เชื่อ
กันว่าผู้ป่
วยโรคความดันโลหิตสูงมักมีอาการขาด Q10 การรับ
ประทาน Q10 อาจจะช่วยให้อาการ
ความดันโลหิตสูงดีขึ้นและ
ยังช่วยอาการแทรกซ้อนที่
อาจจะเกิดขึ้นอีกด้วยจะเห็นได้ว่า Q10
มีประโยชน์กับผู้ป่วยที่มีปั
ญหาเกี่ยวกับ โรคหัวใจ และหลอดเลือด
อย่างชัดเจน


2.โรคอัลไซเมอร์
โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคของการเสื่อมทางสติปัญญาที่พบได้เมื่อ
วัยมากขึ้น
อาการของโรคนี้ คือ ความจำเสื่อม หลงลืมตัวเองและ
คนในครอบครัว ซึมเศร้า
สับสน นอนไม่หลับไม่สามารถควบคุม
การทำงานของร่
างกายได้ สาเหตุเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจ
จัยทางสิ่งแวดล้อม เช่น การได้รับบาดเจ็บ เลือดคลั่ง
ในศรีษะ และ
ความเสียหายที่เกิ
ดจากการทำลายโดยอนุมูลอิสระ (free radical)
การรับ Q10 เข้าไปในร่างกายสามารถช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
ได้เนื่
องจากในQ10 มี ฟีนีลอะลานิน (Phenylalanine) ช่วยการ
ทำงานของต่อมไทรอยด์ให้
กระตุ้นการเผาผลาญอาหารของร่าง
กาย เป็นฮอร์โมนที่ประกอบด้วย ไอโอดีนทำให้รู้สึกสดชื่นตื่นตั

อารมณ์ดี ลดความซึมเศร้า ช่วยให้ความจำดีขึ้น
และเนื่องจากคุณ
สมบัติในการต้
านอนุมูลอิสระของQ10ที่สามารถช่วยปกป้องการ
ทำลายของอนุมูลอิสระในสมองและโรคชรา จะเห็นได้ว่าหมอบาง
คนแนะนำ
ให้กับผู้ป่วยที่อายุเกินกว่า 50 ปีขึ้นไปให้รับประทาน
Q10 เพื่อที่จะช่วยอาการขี้
หลงขี้ลืม และช่วยชลอการทำลายของ
เซลล์สมองอั
นเนื่องมาจากโรค อัลไซเมอร์ และโรคชรา แต่อาการ
จะมากหรือน้อยก็ขึ้นกั
บผู้ป่วยแต่ละคนด้วย

3. ลดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง
Q10เป็นสารต้านออกซิเดชั่น(Antioxidant) และเป็นสารธรรมชาติ
ที่ร่
างกายมนุษย์สามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง ดังนั้นจึงนำ Q10 มา
ใช้เป็นเครื่องสำอางสำหรั
บลดการเกิดริ้วรอย ชะลอการเสื่อมของ
เซลล์ผิวหนั
งจากแสงแดด (Photoaging) กล่าวคือ ผิวหนังจะมีหน้า
ที่ในการป้องกั
นสารพิษ เชื้อโรค และรังสีอุลตราไวโอเลต
(Ultraviolet) จากแสงอาทิตย์ โดยรังสีอุลตราไวโอเลต (UV) มี
2 ชนิด คือ UVA
และ UVB แต่ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดริ้วรอยจะเป็น
รังสี UVA โดย UVA สามารถทะลุผ่านชั้นผิวหนังถึงชั
้นหนังแท้
และจะเริ่มต้นในการผลิตอนุมูลอิ
สระ (Free Radical) ซึ่งอนุมูล
อิสระดังกล่าวนี้ผลิ
ตจากกระบวนการออกซิเดชั่น (Oxidation)
และอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นนี้ก็
จะทำอันตรายต่อไขมัน โปรตีนและสาร
พันธุกรรม (DNA) ในเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดริ้วรอย หมองคล้ำได้
แต่ร่างกายก็จะมีกระบวนการป้
องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระ
ดั
งกล่าวโดยกระบวนการทางธรรมชาติกล่าวคือ ที่ผิวหนังจะมีสาร
ที่มีคุณสมบั
ติเป็นสารต้านออกซิเดชั่น (Antioxidant)เช่น วิตามินอี
วิตามินซี โดยสารที่มีฤทธิ์(Antioxidant) ดังกล่าวจะป้องกันไม่ให

เกิ
ดกระบวนการออกซิเดชั่นที่จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำอัน
ตรายต่อผิวหนัง มีงานวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกั
บผลของ Q10 ต่อการลด
ริ้วรอยว่าสามารถทำให้
ความลึกของริ้วรอยลดลง ซึ่งหมายถึง ทำ
ให้ริ้วรอยนั้นตื้นขึ้นได้ โดยให้กลุ่มทดลอง
ใช้ครีมที่มีส่วนผสม
ของ Q10 อยู่ 0.3% ทารอบดวงตาเป็นเวลานาน 6 เดือน พบว่า
ความลึกของริ้วรอยลดลงถึง 27% เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มทดลองกั

กลุ่มควบคุมซึ่ง
ไม่ได้ใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Q10 อยู่ดังนั้น Q10
จึงมีส่วนช่วยลดริ้
วรอยและชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนังได้
เป็นอย่างดี


4.โรคเกี่ยวกับเหงือก
โรคเหงือก ใช้เรียกโรคที่เกิดขึ้นกับอวัยวะที่อยู่โดยรอบฟันหรือที่
เรี
ยกว่าอวัยวะปริทันต์ซึ่งทำหน้าที่ในการยึดและพยุงฟันให้คงอยู่
ในช่องปาก โรคเหงือกที่เป็นปัญหาและพบได้
บ่อยๆ เกิดจากคราบ
จุลินทรีย์ที่ถูกปล่
อยให้สะสมอยู่บนตัวฟัน คราบจุลินทรีย์นี้ประกอบ
ด้วยเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดและ
สารพิษต่างๆที่แบคทีเรียสร้างขึ้น
มา ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดการอั
กเสบของเนื้อเยื่อต่างๆ ขึ้น ในระยะ
แรกของการอักเสบอาจจะเกิ
ดเฉพาะที่ของเหงือก ทำให้เหงือก
เปลี่ยนสีจากสีชมพู
ซีดเป็นสีแดง มีเลือดออกจากเหงือก เวลา
แปรงฟัน เหงือกที่มีลักษณะติดกันจะมีลั
กษณะบวมฉุ ไม่ยิดติดกับ
ตัวฟันทำให้เกิดกลิ่นปาก ในกรณีที่ปล่อยให้การอั
กเสบดำเนินต่อ
ไปเรื่อยๆ โดยไม่รักษาต่อไป จะสังเกตุว่ามีหนองออกมาจากช่
อง
ระหว่างเหงือกกับฟัน หรืออาจเป็นฝีที่เหงือก เหงือกจะแยกตัวออก
จากฟันและมี
การละลายของกระดูกเบ้ารากฟัน ถ้านานๆเข้าฟันจะ
โยกห่
างและรวนผิดที่ หรืออาจจะหลุดออกมาได้ การรับ Q10 เข้า
ไปในร่างกาย
จะช่วยลดและบรรเทาอาการเหงือกบวม ฟันโยก
(Periodontitis) ได้


5. อื่นๆ
เนื่องคุณสมบัติของการมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของ Q10 จึงทำให้
เชื่อว่า Q10 สามารถช่วยป้องกันและรักษาโรค มะเร็ง ได้ แต่ก็เป็น
การศึกษาเล็กๆ หลายๆ ชิ้นเท่านั้นที่แสดงประโยชน์ของ Q10 ใน
เรื่องดังกล่าว และไม่เพียงเรื่องมะเร็ง ยังมีการศึกษาบางชิ้นที่แสดง
ว่า Q10 ให้ผลดีต่อการกระตุ้นภูมิคุ้มกั
นในร่างกายอย่างไรก็ดียังคง
ต้องการการศึ
กษามากกว่านี้เพื่อยืนยันผลดังกล่าว

อีกทั้งในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับระดับคลอเลสเตอรอลสูงในกระ
แสเลือด และได้
รับยากลุ่ม Statin drugs ผู้ป่วยดังกล่าวควรจะถู
แนะนำให้รับประทาน Q10 เพราะยากลุ่มดังกล่าวส่งผลต่
อการยับ
ยั้งสร้าง Q10 ในร่างกาย


แหล่งของ Q10
Q10 นอกจากสังเคราะห์ขึ้นจากร่างกายมนุษย์แล้ว ในสัตว์และพืช
บางชนิดก็เป็น
แหล่งอุดม ของ Q10 เช่นกัน มีในน้ำมันปลา
ปลาทะเลลึก เช่น ปลาซาดีน อาหารทะเล เครื่องในสัตว์ส่วน หัวใจ
ตับ ไตของสัตว์ เนื้อสัตว์ รำข้าว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว
น้ำมันถั่วเหลือง
บรอคคอลี่ ปลาซาร์ดีน ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน เป็นต้น


จากการศึกษาพบว่า Q10 เป็นสารอาหารคล้ายวิตามิน ที่ทำหน้าที่
เป็นเอนไซม์
ในร่างกายมีปฏิกิริยาทางชีวเคมีเปรียบเสมือนกุญแจ
สำคัญในการสร้
างพลังงานในทุกเซลล์ของร่างกายถ้าระดับของ
Q10 ลดลงร่างกายจะไม่สามารถแปลงพลั
งงานจากอาหารให้อยู่ใน
สภาพที่ร่
างกายจะนำไปใช้ได้เลย ทำให้เกิดการเจ็บป่วยร่างกาย
อ่อนเพลีย ระบบภูมิคุ้มกันเสื่
อมสภาพตามมาได้

ขนาดรับประทาน
ขนาดที่แนะนำคือ 30 มิลลิกรัมต่อวัน แต่สำหรับคนที่มีอาการโรค
ชรา หรือโรคอื่นๆควรรับประทานในขนาดมากขึ้นคือ 50–100
มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อผลในการรักษาโรค


ข้อแนะนำในการรับประทาน
►เนื่องจาก Q10 เป็นสารอาหารที่ละลายได้ดี ในไขมันได้ ดังนั้น
มันจะถูกดูด
ซึมได้ดีหากรับประทานพร้อมกับอาหารที่มีไขมัน เช่น
ถั่ว เนย หรือจะเห็นได้ว่า
แค๊ปซูลที่บรรจุ Q10 มักจะเป็นแค๊ปซูลที่
ทำมาจากไขมั


►เก็บในที่ปราศจากแสง และที่เย็นแต่ห้ามแช่แข็ง

►ควรรับประทานติดต่อกันนานกว่า 2 เดือนขึ้นไป เนื่องจากต้อง
ใช้เวลากว่า
จะเริ่มเห็นผลของ Q10

►เนื่องจากเป็นสารอาหารที่มี ราคาค่อนข้างมีราคาสูงควรซื้
จากแหล่งที่มีราคาถูก