Welcome to my blog, hope you enjoy reading
RSS

โครเมียม(Chromium)

โครเมียม เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายเพื่อการเจริญเติบโตที่มี
สุขภาพที่ดีมันมีความจำเป็นต่อขบวนการแตกของโมเลกุลโปรตีน
ไขมัน และ คาร์โบไฮเดรตรองจาก แคลเซียม แล้ว โครเมียม เป็น
แร่ธาตุที่ได้รับความนิยม
มากสำหรับคนอเมริกันที่รับประทานเป็น
ประจำและยังเป็นที่ร่างกายต้องการโครเมียมในปริมาณ 50 – 200
ไมโครกรัมต่อวัน โครเมียม มีส่วนในการช่วยรักษาปริมาณน้ำตาล
ในร่างกายให้คงที่ (ในขบวนการย่อยสลายคาร์
โบไฮเดรต)ในงาน
วิจัยพบว่า โครเมียม เป็นส่วนประกอบของสารที่เรียกว่
า GTF
(Glucose tolerance factor)โดยทำงาน
ร่วมกับไนอาซิน และกรด
อะมิโน อีกหลายชนิด นอกจากนั้นโครเมียมอาจมีบทบาท
ในการ
เพิ่ม HDL หรือ คลอเรสเตอรอลชนิดดี และลดระดับคลอเรสเตอ
รอล ทั้งหมด

โครเมียมจะกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการ
เปลี่ยนน้
ำตาลกลูโคสให้ เป็นพลังงานและขบวนการสังเคราะห์
กรดไขมันและคลอเรสเตอรอล จึงดูเหมือนว่า โครเมียม จะเพิ่ม
ประสิทธิภาพของอินซูลิน และการจัดการกับน้ำตาลกูลโคส ป้อง
กันการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำ (เพราะว่ามีอินซูลินมากเกินไป)
หรือ โรคเบาหวาน(เพราะว่ามีอินซูลินน้อยเกินไป)

จากการศึกษาพบว่าโครเมียม แบบที่เรียกว่า โครเมียมพิกโคลิเนต
(Chromium Picolinate) มีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงปริ มาณ
ของไขมันในร่างกาย
โดยพบว่า โครเมียมพิกโคลิเนต อาจจะลด
ปริมาณไขมัน และกระตุ้นการสร้างมวล
กล้ามเนื้อ โดยมีงานวิจัยที่
ทดลองให้โครเมียมพิกโคลิเนต ขนาด 400 ไมโครกรัมต่อวันกับ
อาสาสมัครเป็
นระยะเวลา 3 เดือนพบว่ามีการลดลงของปริมาณ
ไขมั
นในร่างกาย และน้ำหนักร่างกาย อย่างไรก็ตาม การศึกษาอื่น
ก็ไม่สามารถยืนยั
ผลของโครเมียมพิกโคลิเนตต่อการเปลี่ยน
แปลงนี้ได้

ประโยชน์ของโครเมียม
คนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมโครเมียมเลย
หากสามารถรับ
ประทานได้จากอาหารได้อย่างเพียงพอ แต่ทั้งนี้
ในปัจจุบันอาหารที่
เรารับประทานมักจะผ่านกรรมวิธีมามากจนทำ
ให้สารอาหารต่างๆ รวมทั้ง โครเมียมถูกขจัดออกไปจากอาหาร
ทำให้
ในบางรายอาจจะจำเป็นต้องพิจารณารับประทานโครเมียม
เป็นอาหารเสริม เหมือนกับวิตามินตัวอื่นๆ

ลดระดับคลอเรสเตอรอลในร่างกาย
จากหลักฐานการศึกษาวิจัยพบว่าโครเมียม
(ทั้งในรูปแบบพิกโคลิเนตและอื่
นๆ)พบว่ามีผลในการลดระดับ คลอ
เลสเตอรอล ในร่างกาย โดยการมีบทบาทไปเพิ่ม
HDL หรือ คลอ
เรสเตอรอลชนิดดี และ ลดระดับคลอเรสเตอรอล ทั้งหมด

ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและโรคเบาหวาน
ในผู้ป่วยโรค เบาหวาน แบบที่ 2 โครเมียมมีส่วนในการช่วยรักษา
ปริมาณน้ำตาล
ในร่างกายให้คงที่ (ในขบวนการย่อยสลายคาร์โบ
ไฮเดรต) ในงานวิจัยพบว่าอินซูลิน
ที่หลั่งจากตับอ่อนจะมีความสัม
พันธ์กั
บระดับน้ำตาลในเลือด แต่ปัญหาคือเซลร่างกายผู้ป่วยไม่
ตอบสนองต่ออินซูลินโครเมียม เป็นส่วนประกอบของสารที่เรียกว่

GTF
(Glucose tolerancefactor) โดยทำงานร่วมกับไนอาซิน
และกรดอะมิโนอีกหลายชนิดจะไปช่วยกระตุ้นให้
เซลร่างกายตอบ
สนองต่ออินซูลิ
นได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ระดับน้ำตาลเข้าสู่ระดับปกติ
มีการทดลองซึ่งเป็
นการทดลองแบบที่ทั้งผู้ทดสอบและผู้ถูกทด
สอบจะไม่มี
ใครทราบเลยว่าได้ยาที่มีส่วนผสมของโครเมียมหรือ
ไม่มี เพื่อตัดตัวแปรด้านความรู้สึ
กของผู้เข้าการทดลองที่อาจจะ
มี
ผลต่อการวัดผลในประสิทธิภาพของโครเมียมซึ่งผลการทดลอง
สนับสนุน
สรรพคุณด้านการลดน้ำตาลในเลือดของ โครเมียมเนื่อง
จากโครเมียมช่วยในการควบคุมระดับน้
ำตาลในเลือด และช่วยใน
การทำให้
glucose tolerance ดีขึ้นดังนั้นการได้รับโครเมียมจึงมี
ประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรค
เบาหวาน ชนิดที่ 2 คนที่มีอาการระดับน้ำ
ตาลในเลื
อดต่ำก็มีอาการดีขึ้น เมื่อได้รับโครเมียม 200 ไมโคร
กรัมต่อวัน

ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก
มีเพียงโครเมียมพิกโคลิเนตที่แสดงผลในเรื่องนี้คือมันไปช่วยเร่ง
การเผาผลาญ
ไขมันในร่างกาย และไปเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ มีการ
ศึกษาเมื่อปี 1998 โดยมีอาสาสมัครสุขภาพดีจำนวน 122 คนที่
เป็นสมาชิกของเฮลท์คลับต่
างๆ ในเทกซัสได้รับโครเมียมจำนวน
400 ไมโครกรัมต่อวันของโครเมียมพิกโคลิเนต หรือยาหลอก
เป็นระยะเวลติดต่อกัน 3 เดือนคนที่ได้รับโครเมียม มีไขมันในร่าง
กาย
ลดลง 6 ปอนด์ (2.7 กิโลกรัม) ขณะที่คนที่ได้รับยาหลอกลด
ลงเพี
ยง 3 ปอนด์(1.3 กิโลกรัม)

นอกจากนี้จากผลการทดลองดังกล่าวจึงมีการใช้ โครเมียมพิกโค
ลิเนตในกลุ่มผู้รักการออกกำลังกายเพื่
อที่จะช่วยเพิ่มมวลกล้าม
เนื้อ และลดไขมันในร่าง
กาย เมื่อรับประทานโครเมียมพิกโคลิเนต
ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่
ำเสมอ

แหล่งที่พบโครเมียม
แหล่งที่พบโครเมียมที่ดีที่สุด คือในยีสต์ (Brewer's yeast) นอก
จากนั้นก็ยังพบใน
เมล็ดธัญพืชและซีเรียลซึ่งปรกติจะถูกทำลายไป
ในระหว่
างกระบวนการผลิตเบียร์บางยี่ห้อก็อาจจะมีโครเมียมใน
ปริมาณมาก

ใครที่จะขาดโครเมียม
เนื่องจากคนทั่วไปได้รับ โครเมียมในปริมาณที่ต่ำกว่าที่ US RDA
ได้แนะนำไว้คือ
50 – 200 ไมโครกรัมต่อวัน และ ประมาณ 3 %
ของโครเมียม ในอาหารที่จะถูกดูด
ซึมเข้าสู่ร่ างกาย คนทั่วไปควร
ได้รับโครเมียม เป็นอาหารเสริมการที่รับประทานอาหาร
ประเภท
น้
ำตาลและอาหารในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตในปริมาณสูง ก็อาจจะทำ
ให้เกิดการ
ขาดโครเมียม และเร่งให้เกิดโรคเบาหวานได้

พบว่า คนในกลุ่มผู้สูงอายุ นักกีฬาและหญิงมีครรภ์ เป็นกลุ่มที่
เสี่ยงต่อการขาด
โครเมียม มากที่สุดเมื่อร่างกายขาด โครเมียม
จะมีอาการต่อไปนี้ คือ มีการเปลี่
ยนแปลงระบบการเผาผลาญ
คาร์
โบไฮเดรค เช่นimpaired glucose tolerance,glycosuria,
อาการระดับน้ำตาลสูงเมื่
ออดอาหาร fasting hyperglycemia,
ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น และการทำงานของอินซูลินลดลง
(ซึ่งเหล่านี้ล้วนอาการเริ่มต้นของโรคเบาหวาน)

ขนาดที่แนะนำ
ปริมาณที่แนะนำโดยแพทย์ทั่วไปคือ 200 ไมโครกรัมต่อวัน

อาการข้างเคียง
ในปริมาณที่โครเมียมวางขายทั่วไป(50 – 300 ไมโครกรัมต่อวัน)
ไม่พบว่า
ก่อให้เกิด อาการเป็นพิษต่อร่างกาย (toxicity)อาหาร
เสริมโครเมียม อาจจะเพิ่ม หรือเข้าไปช่วยการทำงานของยารั
กษา
โรคเบาหวาน(เช่น อินซูลิน หรือ
ยาลดน้ำตาลอื่นๆ) และอาจทำให้
เกิดอาการระดับน้ำ
ตาลต่ำได้ ดังนั้น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน จึงควร
ปรึกษา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนที่จะทานอาหารเสริมโครเมียม

ผลต่ออาหารชนิดอื่นๆ
จากการศึกษาพบว่า วิตามินซีเพิ่มการดูดซึมของ โครเมียม จึงได้
มีการแนะนำให้
รับประทานร่ วมกันระหว่างวิตามินซี และ โครเมียม
หรือทานร่วมกับอาหารที่มี
วิตามินซี สูงๆ

ข้อระวังในการใช้
► ผู้ป่วยโรค เบาหวาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่ อนการรับ
ประทานเนื่องจาก
โครเมียม อาจจะไปมีผลทำให้ความต้องการอิ
ซูลิน หรือยาลดน้ำตาลในเลื
อดลดน้อยลงได้

► อย่ารับประทานพร้อมๆกับแคลเซียมคาร์บอเนต หรือยาลดกรด
ต่างๆในเวลาเดียว
กันเพราะมันอาจจะไปรบกวนการดูดซึมของโคร
เมียมได้

► การรับประทานโครเมียมในปริมาณสูงๆ อาจจะไปรบกวนการ
ดูดซึมสังกะสี (Zinc) ซึ่งแก้ไขได้ด้วยการเพิ่มปริ
มาณการรับประ
ทานสังกะสีให้เพิ่มมากขึ้นแทน