สังกะสีคืออะไร
ปกติทั่วไปร่างกายมนุษย์ต้องการสารอาหารหลัก 5หมู่คือ โปรตีน
คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
เพื่อให้การทำงานของร่างกายเป็นปกติ โดยเกลือแร่หรือแร่ธาตุ
นั้นเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายรองจากน้ำไขมัน และโปร
ตีน ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับองค์ประกอบที่ดีของชีวิตสามารถ
แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ประเภทแรกคือแร่ธาตุปริมาณมาก
(Macro Minerals) ใช้เรียกแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการมากกว่า
100 มิลลิกรัมต่อวัน เช่นแคลเซียมฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
แมกนีเซียม เป็นต้น โดยจะพบแคลเซียมในร่างกายมากที่สุด
รองลงมาเป็นฟอสฟอรัส ส่วนแร่ธาตุประเภทที่สอง คือ แร่ธาตุ
ปริมาณน้อย(Trace Minerals)โดยแร่ธาตุกลุ่มนี้ร่างกายต้อง
การเพียงเล็กน้อยแต่ไม่สามารถขาดได้เลย เพราะมีความสำคัญ
ต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายกล่าวคือ ถ้าขาดสาร
อาหารพวกนี้ไป ร่างกายก็จะผิดปกติไป ทั้งๆ ที่ปริมาณที่จำเป็น
ต่อสุขภาพต่อวันมีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นเอง
สังกะสีจัดเป็นแร่ธาตุในกลุ่มแร่ธาตุปริมาณน้อย(Trace Minerals)
มีชื่ออีกอย่างว่า ซิงค์(Zinc)สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Zn ประมาณ
ร้อยละ 90ของสังกะสี ในร่างกายอยู่ที่กระดูกและกล้ามเนื้อ อีก
ร้อยละ 10 อยู่ที่ตับอ่อน ตับ เลือด โดยส่วนที่อยู่ในเม็ดเลือดนั้น
ร้อยละ 80 อยู่ในเม็ดเลือดแดง และร้อยละ20 อยู่ในน้ำเลือด ส่วน
ใหญ่ของสังกะสีที่รับประทานเข้าไปจะถูกขับถ่ายออกทางอุจจาระ
ซึ่งเป็นผลรวมของ สังกะสี ที่บริโภคเข้าไปแล้วไม่ถูกดูดซึมจากน้ำ
ย่อยของลำไส้เล็ก นอกจากนี้ร่างกายยังขับถ่ายสังกะสี ออกทาง
ปัสสาวะโดยจับกับ กรดอะมิโน ได้อีกด้วย ซึ่งในคนปกติจะขับถ่าย
สังกะสี ออกประมาณวันละ 300 – 600 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของสังกะสี
สังกะสี มีลักษณะเหมือนกับแร่ธาตุและ วิตามิน อื่นๆคือเป็นสาร
อาหารทีไม่ให้พลังงาน แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกำกับการทำ
งานของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์กรดนิวคลิอิก
และโปรตีนเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 100 ชนิด อาจกล่าวได้
ว่าเอนไซม์ที่เป็นสารสำคัญในการเกิดปฏิกิริยาภายในร่างกาย
เกือบทุกชนิดต้องการสังกะสีเป็นส่วนประกอบจึงจะทำหน้าที่ได้
ดีดังนั้นสังกะสีจึงมีความสำคัญต่อการทำงานของทุกอวัยวะใน
ร่างกายเรา โดยอาจสรุปขบวนการที่ สังกะสี มีส่วนร่วมในการ
ทำงานในร่างกายมนุษย์ได้ดังต่อไปนี้
1. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์แอลกอฮอล์ดีไฮโดรจีเนส
(Alcohol Dehydrogenase)ซึ่งเอ็นไซม์นี้มีหน้าที่ในการกำจัด
แอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นสารพิษในตับ (Liver)
2. สังกะสีร่วมทำงานกับเอ็นไซม์แลคเตตและมาเลตดีไฮโดรจีเนส
(Latate and Malate Dehydrogenase)ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ร่างกาย
ใช้ในขบวนการสร้างกำลังงาน
3. สังกะสี มีส่วนร่วมทำงานกับเอ็นไซม์ อัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส
(Alkaline Phosphatase) ซึ่งจำเป็นในขบวนการสร้างกระดูก
และฟัน
4. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ซูเปอร์อ๊อกไซด์ดิสมิวเทส
(Superoxide Dismutase; SOD) ซึ่งเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อก
ซิเดชั่น(Potent Anti-oxidants)ที่มีอยู่ในร่างกาย
5. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ คาร์บอร์นิคแอนไฮเดรส
(Carbonic Anhydrase)ซึ่งพบว่าเอ็นไซม์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องใน
การทำงานอย่างสมดุลของระบบประสาทสมอง
6. สังกะสี จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและสร้างคอลลา
เจน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเจริญเติบโตของเด็ก
7. สังกะสี ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามิน เอ(Vitamin A) ไว้
ได้ดีขึ้น และช่วยให้เซลล์สามารถนำเอาวิตามินเอไปใช้ประโยชน์
ได้ดีขึ้นด้วย ซึ่งช่วยทำให้เซลล์ผิวพรรณที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ๆ มีสุข
ภาพดีและพบว่ายังเกี่ยวข้องกับการรักษาสมดุลของปริมาณไข
มันในผิวหนัง และควบคุมปัญหาการเกิดสิวจากการอุดตันของไข
มันได้ด้วย
8. สังกะสี มีส่วนสำคัญในขบวนการสร้างกรดนิวคลีอิค
(Nucleic acid)ทั้งดีเอ็นเอ(DNA)และอาร์เอ็นเอ(RNA)ซึ่งพบว่า
ในระยะที่ร่างกายต้องการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ไม่ว่าหลังผ่าตัด, เป็น
แผลต่างๆ ยิ่งจำเป็นต้องมีขบวนการนี้มากขึ้นเสมอ
9. สังกะสี ยังช่วยในการปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ของร่างกาย โดยเฉพาะควบคุมการทำงานของเม็ดเลือดขาวชนิด
ทีลิมโฟไซต์(T-lymphocyte)ให้ทำงานป้องกันเชื้อโรคแปลก
ปลอมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
10. สังกะสี มีความสำคัญต่อการควบคุมการทำงานของฮอร์โมน
อินซูลิน(Insulin) และควบคุมการทำงานของอวัยวะรับสัมผัส
(Taste Sensation) ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
11. สังกะสี จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการเจริญของระบบ
สืบพันธุ์ และช่วยให้ต่อมลูกหมากทำหน้าที่ได้ถูกต้องป้องกันการ
เป็นหมัน
ปริมาณความต้องการสังกะสี
จากคุณสมบัติของสังกะสีข้างต้น แสดงให้เห็นว่าในกระบวนการ
ทำงานเกือบทุกระบบในร่างกายล้วนแต่ต้องการ สังกะสี เป็นส่วน
ประกอบในการทำงานด้วยกันทั้งนั้น จึงนับได้ว่าสังกะสีเป็นแร่
ธาตุที่ร่างกายต้องการเป็นประจำไม่สามารถขาดได้เลย โดยปริ
มาณความต้องการ สังกะสี ของแต่ละคนจะแตกต่างกันตามเพศ
วัยและภาวะของร่างกาย ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริการได้ทำการวิจัย
และกำหนดความต้องการสังกะสี (Zinc) ปกติของมนุษย์ไว้ตาม
ตารางข้างล่างนี้
ปริมาณสังกะสีที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน
(Daily RDAs For Zinc)
อายุน้อยกว่า 1 ปี ปริมาณที่แนะนำ 3 – 5 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 1 –10 ปี ปริมาณที่แนะนำ 10 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 11 ปีขึ้นไป ปริมาณที่แนะนำ 15 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะตั้งครรภ์ ปริมาณที่แนะนำ 20 – 25 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะให้นมบุตร ปริมาณที่แนะนำ 25 – 30 มิลลิกรัม/วัน
แหล่งของสังกะสี
สำหรับร่างกายมนุษย์แล้วไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์สังกะสี
ขึ้นเองได้ จำเป็นต้องบริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับสารดังกล่าว ซึ่ง
แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่มีปริมาณสังกะสีสูง ได้แก่ เนื้อสัตว์
ตับ อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรมเป็นแหล่ง สังกะสี ที่ดี
เพราะดูดซึมง่ายกว่าพวกพืชผักโดยมีการวิจัยพบว่าอาหารจำพวก
เนื้อเมื่อถูกย่อยเป็น กรดอะมิโนจะมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึม
สังกะสี ได้ดีขึ้น โดยธัญพืชประเภท ข้าว ข้าวโพด มีสังกะสี อยู่
ปริมาณน้อยส่วนผัก ผลไม้แทบไม่มีปริมาณสังกะสีอยู่เลย
โดยในการบริโภคอาหารประจำวัน เราควรเลือกรับประทานอา
หารที่ให้ปริมาณ สังกะสีเพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน อย่างไร
ก็ตามในการดำเนินชีวิตประจำวันปกติของเราทุกวันนี้ ยังมีปัจจัย
หลายประการที่ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณสังกะสี ไม่เพียงพอ
ได้ตลอดเวลา ปัจจัยดังกล่าว ได้แก่
1. การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่น อาหารที่มีปริมาณ
สังกะสีต่ำ, อาหารที่มีแร่ธาตุทองแดง(Copper) มากเกินไป,
พวกไฟเบอร์, ไฟเตต(Phytates), แอลกอฮอล์ (Alcohol),
ฟอสเฟต (Phosphate) เพราะสารเหล่านี้จะไปลดการดูดซึม
สังกะสีผ่านผนังลำไส้ของคนเราได้
2. อายุที่มากขึ้น (Aging) ประสิทธิภาพการดูดซึมสังกะสี ลดลง
3. หญิงในระยะตั้งครรภ์(Pregnant)ต้องการสังกะสี มากเป็นพิเศษ
4. การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานานทำให้ขาดธาตุ
สังกะสี ได้
5. ภาวะโรคต่างๆ ที่ต้องการแร่ธาตุสังกะสี เป็นพิเศษ เช่น การติด
เชื้อเรื้อรัง(Chronic infections) พิษสุราเรื้อรัง(Alcoholism)
ผิวหนังอักเสบ(Psoriasis) ตับแข็ง (Cirrhosis)
6. โรคพันธุกรรมที่ทำให้การดูดซึมสังกะสีไม่ดี พบในเด็กเล็ก
เรียกว่า Acrodermatitis Enteropathica
(โรคผิวหนังอักเสบและผิดปกติทางจิตใจ)
อาการขาดสังกะสี
ซึ่งถ้าร่างกายมีอาการขาดแร่ธาตุสังกะสี เป็นเวลานาน จะเป็น
ผลให้เกิดอาการต่างๆ มากมาย ดังนี้
1. การเจริญเติบโตในเด็กล่าช้าตัวเล็ก แคระแกรนหรือหยุดชะงัก
เป็นหนุ่มเป็นสาว
2. ผิวหนังมีการอักเสบ โดยระยะแรกจะเป็นรอบปาก และอวัยวะ
เพศต่อมาจะลามไปที่แขนและขา เริ่มแรกอาจเป็นแค่ผื่นแดง ต่อ
มาจะมีลักษณะเป็นเม็ดพุพอง
3. ระบบทางเดินอาหารทำให้มีอาการเบื่ออาหารการรู้รสลดน้อยลง
4. ระบบประสาทอาจมีอาการซึมเศร้าหงุดหงิด ขาดสมาธิ
เหม่อลอย และมีอาการตาบอดแสงได้
5. ระบบต่อมไร้ท่อ คือ ทำให้อวัยวะเพศเด็กเล็ก ไม่โตขึ้นตามวัย
6. มีอาการผมร่วง แตกปลาย เล็บเปราะ ผิวแห้ง
สรุปประโยชน์ของสังกะสี
ในขณะที่ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสังกะสี ที่เหมาะสม เพียงพอต่อ
ความต้องการตามแต่ละสถานะของแต่ละคนแล้ว นอกจากไม่
ต้องเผชิญกับอาการขาดธาตุสังกะสี ดังกล่าวแล้วกลับเป็นประ
โยชน์ต่อสุขภาพของเราอย่างมากมาย ซึ่งสามารถสรุปประโยชน์
จากแร่ธาตุสังกะสีได้ดังนี้
1. ช่วยเสริมสร่างภูมิต้านทานให้กับร่างกายช่วยต่อสู้กับโรคภัย
ไข้เจ็บที่จะมาแผ้วพานร่างกายคนเราจากการศึกษาหลายชิ้นให้
ผลว่าถ้าร่างกายได้รับสังกะสีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการ
แล้วจะมีผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของเราอยู่ในสภาพสมบูรณ์
2. ป้องกันมะเร็ง พบว่าผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีปริมาณ
สังกะสีต่ำกว่าคนปกติ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สังกะสี
สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์ มะเร็งต่อมลูกหมากได้
3. ป้องกันไม่ให้ตาบอดในผู้สูงอายุ การสูญเสียการมองเห็นใน
ผู้สูงอายุที่เรียกว่า maculardegeneration นั้นพบว่า เกิดจาก
การขาดธาตุสังกะสี
4. ป้องกันและรักษาโรคหวัดพบว่าเมื่อเริ่มเป็นหวัด ถ้ารีบรับประ
ทานธาตุสังกะสี ทันทีจะช่วยให้อาการหวัดรุนแรงน้อยลงและจำ
นวนวันที่ป่วยก็ลดลงด้วย
5. ช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่นและสายตาคนเราเมื่อมีอายุ
มากขึ้น การรับรู้รสอาหารมักจะเปลี่ยนไป บางคนอาจไม่เจริญ
อาหารและบอกว่า"อาหารไม่อร่อย" นั้น อาจมาจากการรับรู้รส
ของอาหารเปลี่ยนไปเพราะขาดธาตุสังกะสีก็ได้
6. กระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้นคนที่มีบาดแผลต่างๆ หรือเป็นแผลใน
กระเพาะอาหาร การให้ธาตุสังกะสี จะทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่า
คนที่ไม่ได้รับธาตุสังกะสี
7. เพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชายการผลิตสเปิร์มของผู้ชายต้อง
การธาตุสังกะสีมาก จะเห็นได้ว่า ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่มี
สังกะสีมาก การสร้างฮอร์โมนเพศชายก็ต้องการธาตุสังกะสี
เช่นกัน
8. ช่วยรักษาและป้องกันการเป็นหมันในผู้ชายสังกะสี มีส่วนสำ
คัญในการสร้างสเปิร์มและฮอร์โมนเพศชาย การให้ธาตุ สังกะสี
วันละ 50 มก.จะทำให้ปริมาณน้ำเชื้อเพิ่มมากขึ้นได้
9. ป้องกันต่อมลูกหมากโต คนสูงอายุมักประสบปัญหาต่อมลูก
หมากโต แพทย์จึงให้สังกะสีในการรักษาซึ่งก็ได้ผลดี
10. รักษาสิว คนหนุ่มสาวมีปัญหาเรื่องสิว ฝ้าเวลาสิวอักเสบจะ
ไม่น่าดู มีการให้ธาตุสังกะสีแก่คนที่ขาดธาตุสังกะสีและเป็นสิว
ปรากฏว่าได้ผลดี สิวจะหายไป
11. ป้องกันผมร่วง สังกะสี จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์
ของร่างกายของเส้นผม บางรายผมหลุดร่วงไปและกิน สังกะสี
ก็จะช่วยให้เส้นผมใหม่งอกขึ้นได้เร็วขึ้น แต่ในรายหัวล้านตาม
อายุนั้นใช้ไม่ได้ผลเพราะไม่มีรากผม
12. เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานผู้ป่วยเบาหวานมักเป็นแผล
และติดเชื้อง่ายสังกะสีจะช่วยให้แผลที่เป็นนั้นหายเร็วขึ้นและ
ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานต่อโรคด้วย
13. ลดอาการอักเสบและช่วยรักษาโรครูมาตอยด์อาไทรลิส พบ
ว่าคนเป็นโรคนี้จะมีปริมาณสังกะสีในเลือดน้อยกว่าคนทั่วไป
จากการทดลองให้ธาตุสังกะสีไปพบว่าอาการดีขึ้นมากในเรื่อง
ข้อต่อต่างๆ ที่บวม, ข้อแข็งหรือยึดติด
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของธาตุสังกะสีมีมากมายต่อร่างกายคนเรา
แต่อย่างไรก็ ตามในการบริโภค สังกะสี ควรกระทำในขนาดพอดี
เหมาะสมแก่วัยและสภาวะ โดยถ้าร่างกายคนเราได้รับปริมาณ
สังกะสีที่มากเกินพอดี จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งโทษ
ของการได้รับสังกะสี มากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการต่างๆ ดังนี้
1. ภูมิคุ้มกันร่างกายเสื่อม และสังกะสี ยังขัดขวางไม่ให้ร่างกาย
ใช้ธาตุทองแดงได้เต็มที่เป็นผลให้ระดับทองแดงในเลือดต่ำทำ
ให้เกิดอาการซีดเม็ดเลือดขาวต่ำ
2. โดยถ้าร่างกายได้รับ สังกะสีเกินกว่า 2 กรัมขึ้นไป จะเกิดอา
การระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารแบบเฉียบพลันทำให้
ปวดท้อง และอาเจียนได้
3. ในกรณีที่บริโภคมากกว่าวันละ 100 มก.เป็นเวลานานจะทำให้
ระดับไขมัน HDL (High-density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชั้น
ดีลดลง
โดยสรุปแล้วถึงแม้ว่า สังกะสีจะเป็นแร่ธาตุกลุ่มที่ร่างกายต้องการ
เพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับแร่ธาตุอื่น แต่ความสำคัญต่อ
ร่างกายมิได้มีเพียงเล็กน้อยแต่อย่างใด กลับเป็นแร่ธาตุที่สำคัญ
ยิ่งต่อกระบวนการทำงานทุกๆ ระบบของร่างกาย โดยแหล่งอา
หารธรรมชาติที่มีปริมาณสังกะสีสูง คือ อาหารจำพวกเนื้อสัตว์
และอาหารทะเลเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายได้รับสังกะสีไม่เพียง
พอก็จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือโรคต่างๆได้มากมาย ใน
ขณะเดียวกันถ้าร่างกายได้รับสังกะสี เป็นปริมาณที่เกินพอดีก็จะ
ก่อโทษให้กับร่างกายได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นควรเลือกเดินทางสายกลางบริโภคอาหารที่ให้แร่ธาตุ
สังกะสี ในปริมาณที่พอเพียงเหมาะสมต่อร่างกายนอกจากจะไม่
ต้องเผชิญกับโรคที่เกี่ยวกับการขาดธาตุสังกะสีแล้ว ยังมีประ
โยชน์ช่วยป้องกันโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย
ปกติทั่วไปร่างกายมนุษย์ต้องการสารอาหารหลัก 5หมู่คือ โปรตีน
คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ในสัดส่วนที่เหมาะสม
เพื่อให้
นั้นเป็
ตีน ซึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับองค์
แบ่
(Macro Minerals) ใช้เรียกแร่ธาตุที่ร่างกายต้
100 มิลลิกรัมต่อวัน เช่นแคลเซียมฟอสฟอรัส โพแทสเซียม
แมกนีเซียม เป็นต้น โดยจะพบแคลเซียมในร่างกายมากที่
รองลงมาเป็นฟอสฟอรัส ส่วนแร่ธาตุประเภทที่สอง คือ แร่ธาตุ
ปริมาณน้อย(Trace Minerals)โดยแร่ธาตุกลุ่มนี้ร่างกายต้
การเพียงเล็กน้อยแต่ไม่สามารถขาดได้เลย เพราะมีความสำคัญ
ต่
อาหารพวกนี้ไป ร่างกายก็จะผิดปกติไป ทั้งๆ ที่ปริมาณที่จำเป็น
ต่อสุขภาพต่
สังกะสีจัดเป็นแร่ธาตุในกลุ่มแร่ธาตุปริมาณน้อย(Trace Minerals)
มีชื่ออีกอย่างว่า ซิงค์(Zinc)สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Zn ประมาณ
ร้อยละ 90ของสังกะสี ในร่างกายอยู่ที่กระดูกและกล้
ร้อยละ 10 อยู่ที่ตับอ่อน ตับ เลือด โดยส่วนที่อยู่ในเม็ดเลือดนั้น
ร้อยละ 80 อยู่ในเม็ดเลือดแดง และร้อยละ20 อยู่ในน้ำเลือด ส่วน
ใหญ่ของสังกะสีที่รับประทานเข้าไปจะถูกขับถ่
ซึ่งเป็นผลรวมของ สังกะสี ที่บริโภคเข้าไปแล้วไม่ถูกดูดซึ
ย่อยของลำไส้เล็ก นอกจากนี้ร่างกายยังขับถ่ายสังกะสี ออกทาง
ปัสสาวะโดยจับกับ กรดอะมิโน ได้อีกด้วย ซึ่งในคนปกติจะขับถ่าย
สังกะสี ออกประมาณวันละ 300 – 600 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของสังกะสี
สังกะสี มีลักษณะเหมือนกับแร่ธาตุและ วิตามิน อื่นๆคือเป็นสาร
อาหารทีไม่ให้พลังงาน แต่ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกำกับการทำ
งานของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์
และโปรตีนเอนไซม์ในร่
ว่าเอนไซม์ที่เป็
เกือบทุกชนิดต้องการสังกะสีเป็นส่วนประกอบจึงจะทำหน้าที่ได้
ดีดังนั้นสังกะสีจึงมีความสำคัญต่อการทำงานของทุ
ร่างกายเรา โดยอาจสรุปขบวนการที่ สังกะสี มีส่วนร่วมในการ
ทำงานในร่
1. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์
(Alcohol Dehydrogenase)ซึ่งเอ็นไซม์นี้มีหน้าที่
แอลกอฮอล์ ซึ่งถือเป็นสารพิษในตับ (Liver)
2. สังกะสีร่วมทำงานกับเอ็นไซม์แลคเตตและมาเลตดีไฮโดรจีเนส
(Latate and Malate Dehydrogenase)ซึ่งเป็นเอ็นไซม์ที่ร่างกาย
ใช้ในขบวนการสร้างกำลังงาน
3. สังกะสี มีส่วนร่วมทำงานกับเอ็นไซม์ อัลคาไลน์ ฟอสฟาเตส
(Alkaline Phosphatase) ซึ่งจำเป็นในขบวนการสร้างกระดูก
และฟัน
4. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ซูเปอร์อ๊อกไซด์ดิสมิวเทส
(Superoxide Dismutase; SOD) ซึ่งเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อก
ซิ
5. สังกะสี เป็นส่วนหนึ่งของเอ็นไซม์ คาร์บอร์นิคแอนไฮเดรส
(Carbonic Anhydrase)ซึ่งพบว่าเอ็นไซม์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องใน
การทำงานอย่างสมดุ
6. สังกะสี จำเป็นสำหรับการสังเคราะห์โปรตีนและสร้างคอลลา
เจน มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเจริ
7. สังกะสี ช่วยให้เซลล์สามารถจับกับวิตามิน เอ(Vitamin A) ไว้
ได้ดีขึ้น และช่วยให้เซลล์สามารถนำเอาวิ
ได้ดีขึ้
ภาพดีและพบว่ายังเกี่ยวข้องกับการรั
มันในผิวหนั
มันได้ด้วย
8. สังกะสี มีส่วนสำคัญในขบวนการสร้างกรดนิวคลีอิค
(Nucleic acid)ทั้งดีเอ็นเอ(DNA)และอาร์เอ็นเอ(RNA)ซึ่งพบว่า
ในระยะที่ร่างกายต้
แผลต่างๆ ยิ่งจำเป็นต้องมีขบวนการนี้
9. สังกะสี ยังช่วยในการปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกั
ของร่างกาย โดยเฉพาะควบคุมการทำงานของเม็
ทีลิมโฟไซต์(T-lymphocyte)ให้ทำงานป้องกันเชื้
ปลอมได้อย่างมีประสิทธิ
10. สังกะสี มีความสำคัญต่อการควบคุมการทำงานของฮอร์โมน
อินซูลิน(Insulin) และควบคุมการทำงานของอวัยวะรั
(Taste Sensation) ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิ
11. สังกะสี จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการเจริญของระบบ
สืบพันธุ์ และช่วยให้ต่อมลูกหมากทำหน้าที่
เป็นหมัน
ปริมาณความต้องการสังกะสี
จากคุณสมบัติของสังกะสีข้างต้น แสดงให้เห็นว่าในกระบวนการ
ทำงานเกือบทุ
ประกอบในการทำงานด้วยกั
ธาตุที่ร่างกายต้องการเป็
มาณความต้องการ สังกะสี ของแต่ละคนจะแตกต่างกันตามเพศ
วัยและภาวะของร่างกาย ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริการได้
และกำหนดความต้องการสังกะสี (Zinc) ปกติของมนุษย์ไว้ตาม
ตารางข้างล่
ปริมาณสังกะสีที่แนะนำให้รับประทานในแต่ละวัน
(Daily RDAs For Zinc)
อายุน้อยกว่า 1 ปี ปริมาณที่แนะนำ 3 – 5 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 1 –10 ปี ปริมาณที่แนะนำ 10 มิลลิกรัม/วัน
อายุ 11 ปีขึ้นไป ปริมาณที่แนะนำ 15 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะตั้งครรภ์ ปริมาณที่แนะนำ 20 – 25 มิลลิกรัม/วัน
สตรีในระยะให้นมบุตร ปริมาณที่แนะนำ 25 – 30 มิลลิกรัม/วัน
แหล่งของสังกะสี
สำหรับร่างกายมนุษย์แล้วไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์สังกะสี
ขึ้นเองได้ จำเป็นต้องบริโภคอาหารเพื่อให้
แหล่งอาหารตามธรรมชาติที่มี
ตับ อาหารทะเลโดยเฉพาะหอยนางรมเป็นแหล่ง สังกะสี ที่ดี
เพราะดูดซึมง่ายกว่าพวกพืชผักโดยมีการวิจัยพบว่
เนื้อเมื่อถูกย่
สังกะสี ได้ดีขึ้น โดยธัญพืชประเภท ข้าว ข้าวโพด มีสังกะสี อยู่
ปริมาณน้อยส่วนผัก ผลไม้แทบไม่มีปริมาณสังกะสีอยู่เลย
โดยในการบริโภคอาหารประจำวัน เราควรเลือกรับประทานอา
หารที่ให้ปริมาณ สังกะสีเพียงพอต่อร่างกายในแต่ละวัน อย่างไร
ก็ตามในการดำเนินชีวิ
หลายประการที่ทำให้
ได้ตลอดเวลา ปัจจัยดังกล่าว ได้แก่
1. การรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง เช่น อาหารที่มีปริมาณ
สังกะสีต่ำ, อาหารที่มีแร่ธาตุทองแดง(Copper) มากเกินไป,
พวกไฟเบอร์, ไฟเตต(Phytates), แอลกอฮอล์ (Alcohol),
ฟอสเฟต (Phosphate) เพราะสารเหล่านี้จะไปลดการดูดซึม
สังกะสีผ่านผนังลำไส้ของคนเราได้
2. อายุที่มากขึ้น (Aging) ประสิทธิภาพการดูดซึมสังกะสี ลดลง
3. หญิงในระยะตั้งครรภ์(Pregnant)ต้องการสังกะสี มากเป็นพิเศษ
4. การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นเวลานานทำให้ขาดธาตุ
สังกะสี ได้
5. ภาวะโรคต่างๆ ที่ต้องการแร่ธาตุสังกะสี เป็นพิเศษ เช่น การติด
เชื้อเรื้อรัง(Chronic infections) พิษสุราเรื้อรัง(Alcoholism)
ผิวหนังอักเสบ(Psoriasis) ตับแข็ง (Cirrhosis)
6. โรคพันธุกรรมที่ทำให้การดูดซึมสังกะสีไม่ดี พบในเด็กเล็ก
เรียกว่า Acrodermatitis Enteropathica
(โรคผิวหนังอักเสบและผิดปกติทางจิตใจ)
อาการขาดสังกะสี
ซึ่งถ้าร่างกายมีอาการขาดแร่
ผลให้เกิดอาการต่างๆ มากมาย ดังนี้
1. การเจริญเติบโตในเด็กล่าช้าตัวเล็ก แคระแกรนหรือหยุดชะงัก
เป็นหนุ่มเป็นสาว
2. ผิวหนังมีการอักเสบ โดยระยะแรกจะเป็นรอบปาก และอวัยวะ
เพศต่อมาจะลามไปที่แขนและขา เริ่มแรกอาจเป็นแค่ผื่นแดง ต่อ
มาจะมีลักษณะเป็นเม็ดพุพอง
3. ระบบทางเดินอาหารทำให้มีอาการเบื่ออาหารการรู้รสลดน้อยลง
4. ระบบประสาทอาจมีอาการซึมเศร้าหงุดหงิด ขาดสมาธิ
เหม่อลอย และมีอาการตาบอดแสงได้
5. ระบบต่อมไร้ท่อ คือ ทำให้อวัยวะเพศเด็กเล็ก ไม่โตขึ้นตามวัย
6. มีอาการผมร่วง แตกปลาย เล็บเปราะ ผิวแห้ง
สรุปประโยชน์ของสังกะสี
ในขณะที่ถ้าร่างกายได้รับปริมาณสังกะสี ที่เหมาะสม เพียงพอต่อ
ความต้องการตามแต่
ต้องเผชิญกั
โยชน์ต่อสุ
จากแร่
1. ช่วยเสริมสร่างภูมิต้านทานให้กับร่างกายช่วยต่อสู้กับโรคภัย
ไข้เจ็บที่
ผลว่าถ้าร่างกายได้รับสังกะสีปริมาณเพียงพอแก่ความต้องการ
แล้
2. ป้องกันมะเร็ง พบว่าผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากจะมีปริมาณ
สังกะสีต่ำกว่าคนปกติ จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า สังกะสี
สามารถยับยั้งการเจริญของเซลล์ มะเร็งต่อมลูกหมากได้
3. ป้องกันไม่ให้ตาบอดในผู้สูงอายุ การสูญเสียการมองเห็นใน
ผู้สูงอายุที่เรียกว่า maculardegeneration นั้นพบว่า เกิดจาก
การขาดธาตุสังกะสี
4. ป้องกันและรักษาโรคหวัดพบว่าเมื่อเริ่มเป็นหวัด ถ้ารีบรับประ
ทานธาตุสังกะสี ทันทีจะช่วยให้อาการหวัดรุนแรงน้อยลงและจำ
นวนวันที่ป่วยก็ลดลงด้
5. ช่วยคงสภาพการรับรู้รส กลิ่นและสายตาคนเราเมื่อมีอายุ
มากขึ้น การรับรู้รสอาหารมักจะเปลี่ยนไป บางคนอาจไม่เจริญ
อาหารและบอกว่า"อาหารไม่อร่อย" นั้น อาจมาจากการรับรู้
ของอาหารเปลี่
6. กระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้นคนที่มีบาดแผลต่างๆ หรือเป็นแผลใน
กระเพาะอาหาร การให้ธาตุสังกะสี จะทำให้แผลหายเร็วขึ้นกว่า
คนที่
7. เพิ่มความรู้สึกทางเพศในผู้ชายการผลิตสเปิร์มของผู้ชายต้อง
การธาตุสังกะสีมาก จะเห็นได้ว่า ต่อมลูกหมากเป็นอวัยวะที่มี
สังกะสีมาก การสร้างฮอร์โมนเพศชายก็ต้องการธาตุสังกะสี
เช่นกัน
8. ช่วยรักษาและป้องกันการเป็นหมันในผู้ชายสังกะสี มีส่วนสำ
คัญในการสร้างสเปิร์
วันละ 50 มก.จะทำให้ปริมาณน้ำเชื้อเพิ่
9. ป้องกันต่อมลูกหมากโต คนสูงอายุมักประสบปัญหาต่อมลูก
หมากโต แพทย์จึงให้สังกะสีในการรักษาซึ่งก็ได้ผลดี
10. รักษาสิว คนหนุ่มสาวมีปัญหาเรื่องสิว ฝ้าเวลาสิวอักเสบจะ
ไม่น่าดู มีการให้ธาตุสังกะสีแก่คนที่ขาดธาตุสังกะสีและเป็นสิว
ปรากฏว่าได้ผลดี สิวจะหายไป
11. ป้องกันผมร่วง สังกะสี จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแบ่งเซลล์
ของร่างกายของเส้นผม บางรายผมหลุดร่วงไปและกิน สังกะสี
ก็จะช่วยให้เส้นผมใหม่งอกขึ้
อายุนั้นใช้
12. เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยเบาหวานผู้ป่วยเบาหวานมักเป็นแผล
และติดเชื้อง่ายสังกะสีจะช่วยให้แผลที่เป็นนั้นหายเร็วขึ้นและ
ช่
13. ลดอาการอักเสบและช่วยรักษาโรครูมาตอยด์อาไทรลิส พบ
ว่าคนเป็นโรคนี้จะมีปริมาณสังกะสีในเลือดน้อยกว่าคนทั่วไป
จากการทดลองให้ธาตุสังกะสีไปพบว่าอาการดีขึ้นมากในเรื่อง
ข้อต่อต่
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของธาตุสังกะสีมีมากมายต่อร่างกายคนเรา
แต่อย่างไรก็ ตามในการบริโภค สังกะสี ควรกระทำในขนาดพอดี
เหมาะสมแก่วัยและสภาวะ โดยถ้าร่างกายคนเราได้รับปริมาณ
สังกะสีที่มากเกินพอดี จะก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพได้ ซึ่งโทษ
ของการได้รับสังกะสี มากเกินไปจะก่อให้เกิดอาการต่างๆ ดังนี้
1. ภูมิคุ้มกันร่างกายเสื่อม และสังกะสี ยังขัดขวางไม่ให้ร่างกาย
ใช้ธาตุ
ให้เกิดอาการซีดเม็ดเลือดขาวต่ำ
2. โดยถ้าร่างกายได้รับ สังกะสีเกินกว่า 2 กรัมขึ้นไป จะเกิดอา
การระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารแบบเฉียบพลันทำให้
ปวดท้อง และอาเจียนได้
3. ในกรณีที่บริโภคมากกว่าวันละ 100 มก.เป็นเวลานานจะทำให้
ระดับไขมัน HDL (High-density lipoprotein) ซึ่งเป็นไขมันชั้น
ดีลดลง
โดยสรุปแล้วถึงแม้ว่า สังกะสีจะเป็นแร่ธาตุกลุ่มที่ร่างกายต้องการ
เพียงเล็กน้อยเมื่อเปรี
ร่างกายมิได้มี
ยิ่งต่
หารธรรมชาติที่มีปริ
และอาหารทะเลเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายได้รับสังกะสีไม่เพียง
พอก็จะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยหรือโรคต่างๆได้มากมาย ใน
ขณะเดียวกันถ้าร่างกายได้รับสังกะสี เป็นปริมาณที่เกินพอดีก็จะ
ก่
ดังนั้นควรเลือกเดินทางสายกลางบริโภคอาหารที่ให้แร่ธาตุ
สังกะสี ในปริมาณที่พอเพียงเหมาะสมต่อร่
ต้องเผชิญกับโรคที่
โยชน์ช่วยป้องกันโรคอื่